วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

อาณาจักรศรีวิชัย

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(สำริด)
พบที่หน้าวัดพระมหาธาตุ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 14-15
อาณาจักรศรีวิชัย ตามความเชื่อและสันนิษฐานของนักโบราณคดีว่ามีความเจริญอยู่ระหว่าง
พุทธศตวรรษของนักโบราณคดีว่ามีความเจริญอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 13 - 14 มีอาณาเขตตั้งแต่
บริเวณภาคใต้ของไทยไปจนถึงเกาะสุมาตราและเกาะชวา แต่ศูนย์กลางหรือเมืองหลวงของอาณาจักรนั้น
นักโปราณคดีต่างก็ให้ข้อคิดเห็นไปต่างๆ กัน เช่นศาตรจารย์ยอร์ว เซเดส์ ว่าอยู่ที่ปาเล็มบังในเกาะสุมา -
ตรา นายมาร์ชุมดา ว่า อยู่แนวอำเภอไชยา สุราษฤชฎร์ธานี ส่วน ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ว่าน่าจะอยู่แถว
สุราษฎร์ธานี ถึงนครศรีธรรมราช แต่จดหมายเหตุราชวงค์ถังที่เพิ่งสอบทานใหม่ว่าอยู่ราวเส้นรุ้งที่ 6
องศา 7 ลิปดาเหนือ ถ้าหากการคำนวญนี้ถูกต้องก็แสดงว่าศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยจะอยู่ไม่ต่ำกว่า
จังหวัดปัตตานีลงไป
เมืองที่น่าสนใจที่พ่อค้าจีนมักจะพูดถึงเสมอคือ เมืองเซโจถึง ซึ่งเข้าใจว่าคืออำเภาสะทิงพระ
จังหวัดสงขลา ปัจจุบันเมื่อดูจากภาพถ่ายทางอากาศจากบริเวณ อำเภอสะทิงพระขึ้นไปจนถึงผาหัวแดง
อำเภอเมืองสงขลา จะเห็นว่าภายในเขตเมืองมีระบบการชลประทานที่ดีมาแล้วแต่โปราณคือ การขุดตระ
พัง หรือสระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพื่อเก็บน้ำจืดเป็นระยะ ๆ และมีคลองเชื่อมต่อถึงกันดูเป็นเส้นตรง ปัจจุบัน
ร่องรอยของเมืองถูกทับถมอยู่ใต้พื้นทราย แต่ก็ได้พบประติมากรรมหลายชิ้นจากบริเวณนี้


พระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย
ประทับบนบัลลังก์มีซุ้มเรือนแก้ว และประภามณฑล มีศักติขนาบ 2 ข้าง มีสิงห์รองรับบัลลังก์ 2 ตัว ศิลปศรีวิชัย

อาณาจักรศรีวิชัยเป็นศูนย์กลางค้าขายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้
พบของใช้ของชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายเช่น เหรียญกษาปณ์ ของชาวเฟอร์นิเชีย ลูกปัดโรมันที่ทุ่งตึก
จังหวัดพังงา ที่ควนลูกปัด อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าขายแล้ว อาณาจักรศรีวิชัยยังเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดใน
แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ลักษณะศิลปะกรรมภาคใต้หรือศิลปะแบบศรีวิชัยส่วนมากเป็นศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธ-
ศาสนา ลัทธิมหายาน จึงมักพบรูปพระโพธิสัตว์ เช่นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระศรีอาริยเมนไตรย
โพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ และนิยมสร้างนางคู่บารมีของพระโพธิสัตว์หรือที่เรียกว่า "ศักติ" ด้วย
เช่น นางตรา นางปรัชญาปารมิตา หรือนางปัญญาบารมี นอกจากนี้ยังได้พบศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา
พราหมณ์ในลัทธิไวษณพนิกาย นิยมสร้างรูปพระศิวะหรือพระอิศวร พระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระพรหม
และพิฆเณศวรหรือคณาบดี นอกจากนี้ก็นิยมสร้างศักติของพระเป็นเจ้าเหล่านี้เช่นเดียวกับศักติของพระ
โพธิสัตว์ในพุทธศาสนาลัทธิมหายานคือพระอุมา หรือนางปรรพตีเป็นศักติของพระอิศวร พระลักษมี
เป็นศักติของพระนารายณ์ ฯลฯ


พระพุทธรูปนาคปรก (สำริด)
พบที่วัดบรมธาตุไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร


จากศิลปะที่ได้พบอาจจำแนกอายุของศิลปะศรีวิชัยหรือศิลปะที่พบในทางภาคใต้ของไทยได้เป็น 4
สมัย คือ
1. ระหว่างพุทธศตรรวษที่ 8 - 10 เป็นระยะที่ศิลปะอินเดียแบบอมราวดีกำลังเจริญรุ่งเรียง ศิลปะที่
พบเป็นประติมากรรมในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไวษณพนิกาย ประติมากรรมที่เก่าที่สุดพบที่อำเภอไชยา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดเป็นศิลปะแบบที่เรียก "เทวรูปรุ่นเก่า" และมีพบอีกบ้างที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัด
พังงา อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอเวียงสระ
จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นต้น แต่อายะรุ่นหลังลงมา
ส่วนประติมากรรมในพุทธศาสนาที่พบคือ พระพุทธรูปยืนปางประทานพร สลักด้วยหินทราย มีอายุ
ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 แสดงลักษณะศิลปะอินเดียแบบสารนาถ
2. ศิลปะที่ได้รับอิทธิจากศิลปะทวารวดีกำหนดอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 ขณะเดียวกับ
ศิลปกรรมในภาคใต้ก็แสดงให้เห็นว่าช่างได้พยายามที่จะสร้างสรรค์งานให้เป็นแบบฉบับของตนเอง
3. อิทธิพลจากอินเดียแบบปาละและศิลปะชวาภาคกลางระหว่างพุทธศตวรรษที่ 13-16 ระยะนี้โดย
เฉพาะระหว่างพุทธศตวรรษที่ 15-16 ศิลปะศรีวิชัยมีลักษณะคล้ายศิลปะชวาภาคกลางมากกว่าศิลปะจาก
อินเดีย
4. อิทธิพลศิลปะลพบุรีระหว่างพุทธศตวรรษที่ 16-19 ประติมากรรมที่พบเช่นพระโพธิสัตว์อวโลกิ-
เตศวรสิบเศียร ยี่สิบกร และพระวัชรโพธิสัตว์พบที่อำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา แต่รายละเอียดต่าง ๆ ยัง
คงแบบศิลประศรีวิชัยไว้
5. อย่างไรก็ดี หลังจากพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นไป ลักษณะของศิลปกรรมก็ยังคงเป็นแบบพื้น
เมืองบ้างรับอิทธิพลจากที่อื่นบ้าง แต่ศิลปะที่พบว่าเป็นของภาคใต้อย่างแท้จริงคือ ลักษณะพระพุทธรูป
แบบ "ขนมต้ม" ซึ่งนิยมสร้างกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและปัจจุบันก็ยังคงสร้างกันเป็นบ้างครั้ง











ไม่มีความคิดเห็น: